เอ็นไหล่ขาด ( Rotator cuff tear )

Last updated: 5 พ.ย. 2567  |  38705 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เอ็นไหล่ขาด  ( Rotator cuff tear )

สาเหตุ


อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ 
1. เอ็นไหล่ขาดเกิดจากความเสื่อมของเส้นเอ็นตามอายุที่มากขึ้น ส่วนใหญ่พบในคนไข้อายุ 50 ปีขึ้นไป
2. เอ็นไหล่ขาดเกิดจากอุบัติเหตุ เช่นการหกล้ม หรือการเหวี่ยงสะบัดแขนแรงๆ
3. เอ็นไหล่ขาดจากการกดทับของกระดูกอะโครเมียน ทำให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างกระดูกและเส้นเอ็นไหล่

อาการ

ถ้าเอ็นไหล่ฉีกขาด จะส่งผลให้เกิดอาการปวดไหล่ด้านหน้าและด้านข้าง อาการปวดไหล่อาจร้าวลงมาที่ต้นแขน  มักจะปวดไหล่มากเวลานอนตะแคงทับ 
ถ้ารอยขาดมีขนาดใหญ่ ผู้ป่วยจะยกแขนไม่ขึ้น 
กำลังแขนอ่อนแรงเนื่องจากกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ฝ่อตัว

การดำเนินโรค

เส้นเอ็นไหล่เมื่อฉีกขาดแล้วจะไม่สมานกันเองตามธรรมชาติ
ขนาดของรอยขาดจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
ถ้าปล่อยทิ้งไว้ เส้นเอ็นที่ขาดจะหดตัวและไม่สามารถเย็บซ่อมได้อีก ซึ่งอาจทำให้มีข้อไหล่เสื่อมตามมาในอนาคต
การวินิจฉัย ต้องทำการตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

การรักษา

การผ่าตัดส่องกล้อง (Arthroscopic rotator cuff repair) เพื่อเย็บซ่อมเส้นเอ็นไหล่ที่ฉีกขาดโดยใช้สมอกับไหมเย็บชนิดพิเศษ 
เป็นการผ่าตัดข้อไหล่โดยใช้กล้องขนาดเล็ก 4 มิลลิเมตรและเครื่องมือพิเศษขนาดเล็ก
แผลเจาะรูจะยาว 1 เซนติเมตร ทั้งหมด 4 แผล 

ผลที่ได้รับจากการผ่าตัด คือ อาการปวดในข้อไหล่จะลดลง และยกแขนได้ดีขึ้น
ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประวันได้ตามปกติ สามารถหิ้วของได้ หวีผมได้ เอามือจับหลังตนเองได้
อาการปวดตอนนอนจะน้อยลง ผู้ป่วยจะนอนหลับได้ดีขึ้น
 
 
หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องใส่ที่คล้องแขนเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อรอให้เส้นเอ็นสมานกัน
โดยทั่วไปอัตราการสมานกันของเส้นเอ็นอยู่ที่ 80-90% ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและสภาพของเส้นเอ็นที่ขาด
ระยะเวลาที่อาการเจ็บจะหายสนิทอยู่ที่ประมาณ 4-5 เดือนหลังผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การทำกายภาพบำบัดเพื่อป้องกันภาวะไหล่ติดหลังผ่าตัด ก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน

 

นพ.ไตร พรหมแสง

ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ด้านการผ่าตัดข้อไหล่


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้